เรื่องสั้น

Name:

ยินดีต้อนรับ สู่โลกส่วนตัว (หนังสือ) ของผม

Thursday, November 09, 2006

Love Story 01 : เพียงรัก

“ยืนอยู่คนเดียว ช่างเปล่าช่างเปลี่ยวหัวใจ
ฉันยืนอยู่คนเดียวได้ยินไหม มันเหงาหัวใจเหลือเกิน”
ผมได้ยินเพลงนี้กี่รอบแล้วนะ ไม่รู้ซิ แต่ฟังยังไงก็ไม่เบื่อสักที เพราะเธอนั่นแหละ เธอคนที่กำลังร้องเพลงนี้อยู่บนเวทีนั่นไง
“และฉันคงทนต่อไปอีกไม่ไหว คงต้องมีใครมาดูแลหัวใจ
คงทนต่อไปอีกไม่ไหว อยากจะบอก ว่าฉันมีเพียงความรัก...อยู่เต็มหัวใจ”
ใช่ ตอนนี้ผมกำลังมีความรัก เต็มหัวใจเลยหละ เพราะเธอ นักร้องประจำร้านนี้ เธอทำให้ผมตกอยู่ในหลุมของความรัก ช่วงนี้ผมจึงมาร้านนี้เกือบทุกวัน ฟังเพลงนี้เกือบทุกคืน พอได้ยินเพลงนี้ทีไร นึกถึงวันแรกที่มาร้านนี้ทุกที ผมจะเล่าให้ฟังก่อนว่าผมเจอเธอได้ยังไง ปกติผมไม่ค่อยกินเหล้าเท่าไหร่หรอกครับ ถ้าเพื่อนชวนถึงจะมา แต่มีอยู่วันหนึ่งไม่รู้อะไรดลใจผม อยากหาอะไรดื่มสักหน่อย พอดีเห็นร้านอาหารเล็ก ๆ อยู่ร้านหนึ่ง ซึ่งผมผ่านทุกวันอยู่แล้ว แต่ยังไม่เคยนั่งสักที ผมตกลงเลือกร้านนี้ เลยโทรฯ เรียกเพื่อนอีกคนให้มานั่งเป็นเพื่อน ทันทีที่ผมเดินเข้ามาในร้าน เสียงเพลงนี้ก็ดังขึ้น
“ยืนอยู่คนเดียว ยืนอยู่คนเดียวได้ยินไหม
ฉันยืนอยู่คนเดียวได้ยินไหม บางครั้งก็เกินที่จะทนไหว”
ด้วยเสียงอันไพเราะนี้ ทำให้ผมหันไปมองยังต้นเสียง ทันทีที่ผมเห็นใบหน้าเธอ ไฟในร้านก็ดับลง มีเพียงแสงจากฟากฟ้าส่องลงมาที่เธอเพียงคนเดียว ผมเห็นใบหน้าอันนวลเรียว ดวงตากลมโต จมูกโด่งเชิดเล็กน้อย รับกับริมฝีปากอันเรียวงาม ทุกอย่างดูดุจท้องฟ้าส่งลงมา ผมตกอยู่ในภวังค์สัก 2-3 วินาที พนักงานเสิร์ฟก็เรียกผมให้กลับสู่โลกแห่งความจริง ตั้งแต่วันนั้น ผมก็มาร้านนี้เกือบทุกวัน เลือกนั่งโต๊ะตัวเดิม สั่งเหล้าเดิม ๆ แล้วก็แอบมองเธอด้วยสายตาเดิม ๆ พยายามจะสบตาเธอทุกครั้งที่มีโอกาส แต่ก็ไม่รู้เธอจะมองเห็นสายตาของผมไหม ผมมาร้านนี้บ่อยจนรู้มาว่าเธอมีแฟนแล้ว และเขาจะมานั่งเฝ้าเธอเกือบทุกวัน ไม่รู้ทำไม เวลาที่ผมชอบใครสักคน เขามักมีเจ้าของแล้ว รวมทั้งเธอด้วย
“และฉันคงทนต่อไปอีกไม่ไหว คงต้องมีใครมาดูแลหัวใจ คงทนต่อไปอีกไม่ไหว
อยากจะบอก ว่าฉันมีเพียงความรัก...อยู่เต็มหัวใจ
และอยากรู้...มีใครจะมารับเอาไว้”
วันนี้แหละ เป็นวันที่ผมจะต้องเข้าไปคุยกับเธอให้ได้ หลังจากใช้เวลารวบรวมความกล้าเกือบ 2 เดือน ที่ผมเลือกวันนี้ก็เพราะแฟนเธอไม่มา จริง ๆ ผมไม่ได้จะแย่งแฟนใครหรอกนะครับ เพียงแค่อยากจะเข้าไปสู่ระบบความรู้จักของเธอเท่านั้นเอง ส่วนผมก็จะเป็นผู้เฝ้ารอที่ดี คุณเชื่อในพรหมลิขิตไหมครับ ผมเชื่อนะ เพียงแต่ว่าผมแค่อยากลองเข้าไปลิขิตพรหมของผมดู เท่านั้นเอง
“คงต้องมีใครที่ต้องการฉัน เก็บฝัน หยิบยื่นหัวใจ
คงต้องมีใครที่ต้องการฉัน และรัก ตลอดไป......”

“ขอบคุณค่ะ แล้วพบกันใหม่พรุ่งนี้นะค้า สวัสดีค่ะ”

เธอลงมาจากเวทีแล้ว เดี๋ยวผมมา เอ่อใช่ ผมยังไม่ได้แนะนำตัวเลยใช่ไหม ผมชื่อต่อครับ

To be continue…

ตีพิมพ์ครั้งแรก อดน. magazine
สิงหาคม
2548

Love Story 02 : เรื่องบนเตียง


“เช้าแล้วยังอยู่บนที่นอน เงียบๆ คนเดียวและไม่อยากตื่นขึ้นพบใคร
เพราะว่าใจก็ยังเสียดาย ที่ฝันดีดี กำลังจะจบและหายไป”

หลังจากวันนั้น วันที่ผมเข้าไปคุยกับเธอเป็นครั้งแรก ผ่านมาได้เกือบอาทิตย์แล้ว ผมยังคงฝันดีทุกคืน แม้จะยังไม่มีบทสนทนาใด ๆ ต่อจากวันนั้นอีกเลย ผมว่า ผมคงต้องใช้ความพยายามให้มากกว่านี้
“ภาพที่ฉันได้เป็นดั่งคนที่เธอรัก ฉันเป็นอะไรที่ประทับใจ
อยากซึมซับนานๆ และเก็บไว้ไม่ให้มันผ่านไป”

ทำไมช่วงนี้เพลงนี้ถึงได้เพราะเหลือเกิน ผมฟังเพลงนี้ทุกคืน ทุกคืนนี่คือ ทุกคืนที่มาร้านนี้ ร้านเดิม ที่นั่งเดิม กับเหล้าเดิม ๆ และทุกคืนที่ผมกลับบ้าน ก่อนนอนต้องเปิดเพลงนี้เสมอ มันทำให้ผมฝันดี จริง ๆ นะ
“อยากหลับตาอยู่อย่างนั้น ทำอยู่อย่างนั้น ฝันถึงเธอเรื่อยไป
เพราะว่าความจริงไม่มีทางใด ทำให้เราได้รักกัน โฮ้ โว”

คุณอยากรู้ไหม วันนั้นผมเข้าไปคุยอะไรกับเธอ บทสนทนาของเราน่าสนใจมาก มันทำให้ผมเดินกลับมานั่งที่เดิมด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ผมจะเล่าให้คุณฟัง
“เอ่อ...หวัดดีครับ”
“ค่ะ”
“น้องแอมจำพี่ได้ไหมครับ”
“พี่ต่อเหรอค่ะ จำได้ซิค่ะ ก็พี่ต่อเป็นขาประจำร้านนี้นี่ค่ะ มีอะไรรึเปล่าค่ะ”
“อ๋อ ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่”
“งั้นแอมขอตัวก่อนนะคะ”
“คะ.. ครับ”

“ทำได้แค่นั้น ทำได้แค่นี้ ทำได้เพียงแค่ฝัน
ต้องหลอกตัวเองฝันไปวันๆ โฮ ไม่มีทางที่ฝันมัน เป็นจริง”

คุณคิดดูจะไม่ให้ผมยิ้มได้ไง เธอรู้จักชื่อผม แถมจำผมได้ด้วย น่าดีใจไหมล่ะ ส่วนทำไมผมถึงรู้ชื่อเธอน่ะเหรอ ไม่ยากหรอกครับ ก็คนในร้านใครเขาก็เรียก น้องแอม น้องแอม กันแทบทุกคน แม้แต่นักดื่มขาจรยังรู้จักชื่อเธอเลย
“อยากหลับตาอยู่อย่างนั้น ทำอยู่อย่างนั้น ฝันถึงเธอเรื่อยไป
เพราะว่าความจริงไม่มีทางใด ทำให้เราได้รักกัน”
โฮ้...โว
“ทำได้แค่นั้น ทำได้แค่นี้ ทำได้เพียงแค่ฝัน
ต้องหลอกตัวเองฝันไปวันๆ โฮ ไม่มีทางที่ฝันมัน... จะเป็นจริง”

ใครจะไปรู้ ไม่แน่หรอกครับ ฝันผมมันอาจจะเป็นจริงขึ้นมาก็ได้ แต่เดี๋ยวผมคงต้องขอตัว เพราะพอเพลงนี้จบเธอจะขึ้นไปร้องแล้ว ผมว่าวันนี้คงเป็นอีกวันที่ผมจะฝันดี แต่ผมไม่อยากฝันอย่างเดียวหรอกครับ ผมต้องทำอะไรสักอย่าง เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน คุณว่า วันนี้เธอจะเปิดตัวด้วยเพลงอะไร

“สวัสดีค่ะ ต้อนรับสมาชิกใหม่ทุกท่านด้วยนะค่ะ”

To be continue…

ตีพิมพ์ครั้งแรก อดน.
magazine
ตุลาคม 2548

โศกนาฏกรรม สวัสติกะ


สมศรีและซากะ เป็นสองสาวสวยที่สนิทสนมกันที่สุด
สมัยเด็ก ๆ สองสาวสวย ส่อแววชอบสะสมสิ่งของแปลก ๆ
ความโสภาของสองสาว ส่งผลให้เสือสิงนับสิบ

ระส่ำระสายส่อสันดานสวะ แต่สองสาวสวยไม่สน
สิ่งที่สองสาวสวยศรัทธาสูงสุด ช่วงสามสี่ปี
ส่งผลให้สองสาวสวยสะสม คือ สวัสติกะ
ซากะศรัทธาสวัสติกะว่าเป็นสิ่งสูงสุดในสรรพสิ่ง

สำหรับสิ่งมีชีวิตที่สูงส่ง
ส่วนสมศรีศรัทธาสวัสติกะเพียงสั่ว ๆ

สะสมสวัสติกะตามเพื่อนสาวคนสนิท
สองสาวสวยมักเสาะแสวงหาสวัสติกะ

ตามสถานที่ที่แสงสว่างสาดส่องไม่สว่างไสว
สามสี่สัปดาห์ผ่านสองสาวสวยมีสวัสติกะกว่าสองร้อยสิ่ง

ทั้งสร้อย เสื้อผ้า ภาพสี
สรรพสิ่งในห้องชั้นสิบของสองสาวสวย

สามารถส่ายสายตาเห็นเป็นสวัสติกะ
สาย ๆ ของวันอันแสนสุขของสมศรีและซากะ เกิดสิ่งอัศจรรย์
สายลม สายฝน และสายฟ้า ส่งเสียงดังสนั่น
ฟังเสียงสายฟ้าเปรียบเสมือนกำลังสาปส่งสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
สองสาวสวยต่างสับสนกับสิ่งที่ประสบ
สมศรีสังหรณ์ถึงสิ่งร้าย

จึงเก็บสิ่งของที่เป็นสวัสติกะใส่ตะกร้าส่งออกนอกห้อง
ส่วนซากะสังเกตเห็นสมศรี จึงสาวเท้าเข้าใส่สมศรีส่อแววห้าม
แต่สมศรีไม่สนซากะ สอยทุกอย่างใส่ตะกร้ารีบส่งออกจากห้อง
สองสาวสวยที่สนิทสนมกันที่สุดกำลังส่งเสียงใส่กัน
ซากะที่ศรัทธาสวัสติกะสุดจิต รู้สึกโกรธสมศรีสุดใจ

จึงหยิบสิ่งที่อยู่ใกล้สุดปาใส่สมศรี
สมศรีสาวเท้าหลบ แต่สะดุดเข้ากับสวัสติกะไม้สัก

ที่ซ้อนกันอยู่สองสามอันกลางห้อง
สมศรีเซไปสู่หน้าต่าง ศีรษะของสมศรีฟาดกับเสาข้างหน้าต่าง

เลือดสาดกระเซ็น
ส่งผลให้ร่างสวย ๆ ของสมศรีพลัดตกจากหน้าต่าง ร่วงลงสู่พื้น
ซากะตกใจสุดขีด รีบสาวเท้ามาสู่หน้าต่าง ก้มลงมองสู่พื้น
สายตาของซากะเศร้าสลด เห็นร่างเพื่อนสาวนิ่งสนิท
สามวินาทีต่อมา สายตาเศร้าสลดของซากะ
ก็สลับสับเปลี่ยนเป็นสายตาของคนมีความสุขสูงสุด
สืบเนื่องจากสายตาของซากะ

มองเห็นสัดส่วนรูปร่างของสมศรีที่นิ่งสนิทอยู่กับพื้น
ส่อเป็นรูป สวัสติกะ
ซากะไม่สามารถประสบกับสวัสติกะที่สวยงามสมส่วนขนาดนี้อีกแล้ว
แขนขาที่งอสมส่วน สอดคล้องกับสายเลือดที่สาดกระเซ็น
ช่างสมกับเป็นสวัสติกะที่สวยงามที่สุดเสียนี่กระไร!

ตีพิมพ์ครั้งแรก อดน. magazine
สิงหาคม
2548

ความทรงจำเดิม

ผมตื่นขึ้นมาพร้อมกับความทรงจำที่แสนจะน่าเบื่อ ของเมื่อวานที่ยังตกค้างอยู่ใน หัวสมองที่ไม่มีสมอง ของผม มันเป็นความทรงจำที่เหมือนกับทุก ๆ วัน ที่ผ่านมา ที่ผมจะต้องเห็นมันซ้ำแล้วซ้ำเล่าตลอดเวลา สายตาของผมยังคงพล่าเบลอและงัวเงียจากอาการตื่นเช้ากว่าปกติ ด้วยเสียงเพลงที่เปิดดังหนวกหูเสียนี่กระไร ช่างมันเถอะ เพราะมันทำให้ผมรู้สึกว่า วันนี้อาจจะเป็นวันที่สามารถเปลี่ยนความทรงจำที่แสนน่าเบื่อของผมได้เสียที และแล้วความรู้สึกของผมก็บรรเจิดเป็นความจริงขึ้นมา เมื่อผู้ที่เป็นคนเปิดเพลงดังหนวกหูที่ว่านี้เปิดประตูบ้านของผมที่อาศัยอยู่เป็นระยะเวลานานออก

แสงสว่างที่ลอดเข้ามาทำให้ผมเห็นเงาดำ ๆ เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ตัวผมทุกที ๆ เมื่อมันมาแตะตัวผม ผมก็รู้ทันทีว่ามันคือมือของเจ้าของตัวผมนั่นเอง ที่เจตนายื่นมาหยิบตัวผมซึ่งนอนอยู่อย่างไม่เป็นท่าบนตัวเพื่อน ๆ ของผมอีกมากมาย เขาบรรจงสอดขาเข้าไปในตัวผมทีละข้างแล้วดึงขึ้น จากนั้นก็ กลัดตา ข้างเดียวของผมกับ รู ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม แล้ว รูดปาก ของผมขึ้นปิดสนิท

ผมได้เริ่มความทรงจำใหม่ ๆ เสียที หลังจากไม่ได้มีอะไรในหัวนอกจากความมืดเป็นเวลานาน ผมออกจากห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ที่เจ้าของตัวผมเรียกว่าบ้านมาได้ ก็พบกับความทรงจำที่เกือบจะลืมไปแล้ว มันเป็นภาพทางเดินยาว ๆ แสงสลัว ๆ สุดทางก็เป็นบันไดลงไป จากชั้นสาม ชั้นสอง จนถึงชั้นหนึ่ง ผมออกจากตึกไป

แสงที่สาดส่องอยู่ภายนอกทำให้ผมแสบตายิ่งนัก ผมเดินโดยใช้ขาของเจ้าของผมไปได้ไม่กี่ก้าว ก็ได้ยินเสียงที่คุ้นหู เสียงเจ้าของผมเอง
“น้ำเต้าหู้ 1 ปา 2 เจ๊”
แล้วผมก็นั่งลง โดยไม่เต็มใจ สิ่งที่ผมเห็นหลังจากที่นั่งไปได้สักสิบนาที เป็นเพียงภาพขาโต๊ะขาเก้าอี้เท่านั้น
“เงินอยู่บนโต๊ะนะเจ๊”
สิ้นเสียงของคนเดิม ผมก็ลุกขึ้นอย่างไม่รู้ตัวแล้วก็เดินกลับเข้าไปในตึก

ความคิดของผมตอนนี้คือ “เรายังไม่ได้ความทรงจำอะไรเพิ่มเลย” ผมเดินขึ้นมายังบันไดที่เพิ่งเดินลงไปเมื่อสิบนาทีที่แล้ว ชั้นหนึ่ง ชั้นสอง จนถึงชั้นสาม เห็นภาพทางเดินยาว ๆ ที่มีแสงสลัว ๆ ที่เพิ่งเห็นไปเมื่อสิบนาทีที่แล้วเช่นกัน ผมหยุดอยู่หน้าประตูหมายเลข 348 แล้วเข้าไปข้างใน เขาไม่ค่อยบรรจงดึงขาออกจากตัวผม แล้วก็ไม่เจตนาเท่าไหร่นักโยนผมกลับเข้าไปในบ้านของผม ที่เขาเรียกว่า ตู้เสื้อผ้า และแล้วตัวผมก็มานอนอย่างไม่เป็นท่า ที่เดิม กับความทรงจำเดิม ๆ อีกเป็นเวลานานเท่าไหร่ไม่มีใครรู้

ผมตื่นขึ้นมาพร้อมกับความความทรงจำที่แสนจะน่าเบื่อของเมื่อวาน...

ตีพิมพ์ครั้งแรก หนังสือทำมือ long
กุมภาพันธ์
2545

บันทึกของพระเอกจุกน้ำ

ชายหนุ่มคนหนึ่งมักจะบันทึกเหตุการณ์ของตัวเองลงไปในสมองของเขาทุกๆ 6 โมงเช้าของทุกวัน โดยที่เขาไม่มีวันรู้เลยว่าจะมีเวลาบันทึกเรื่องราวของตัวเองได้นานสักเพียงใด จนกว่าชีวิตเขาจะพบความจริงอะไรบางอย่าง

1/5/45
ผมลืมตาตื่นมาพร้อมกับความสดชื่น ที่ได้มาจากอากาศอันแจ่มใส ของเช้าวันใหม่วันนี้ เหตุเพราะเมื่อคืนผมได้มีโอกาสนอนแต่หัววัน โดยที่ไม่มีใครเข้ามารบกวนทั้งคืน

2/5/45
ผมลืมตาตื่นมาพร้อมกับบรรยากาศอันอึมครึม ของเมื่อคืนที่ยังคงตกค้างหลงเหลืออยู่บ้าง พร้อมกับอาการงัวเงีย อันเนื่องมาจากการมีเวลาหลับเพียงน้อยนิด

3/5/45
ผมยังไม่ทันได้นอนเลยตั้งแต่เมื่อวาน เพราะเสียงของงานเลี้ยงของค่ำคืนที่ผ่านมา มันช่างแสนน่ารำคาญเสียนี่กระไร สายตาของผมแลดูทุกอย่างจะพร่าเบลอไปหมด มองอะไรไม่ชัดนัก

4/5/45
ผมตื่นขึ้นมาพร้อมกับความมึนงงไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกับผมบ้าง จำได้ลางๆ ว่ามีคนเข้ามาอยู่ข้างๆ ผมมากมาย และเราก็พูดคุยกันทั้งคืน แต่ก็มีบางคนจากไป บางคนยังอยู่

5/5/45
ผมตื่นขึ้นมาพร้อมความตกใจ ผมรู้สึกเหมือนคนไม่สบาย มีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับผม ผมปวดหัวหนัก คิดอะไรไม่ออก พอดีผมเหลือบไปเห็นขวดน้ำที่วางอยู่เรียงรายข้างๆ ตัว ผมจึงตัดสินใจว่าควรจะหาอะไรกิน เผื่อบางที “น้ำ” อาจทำให้ผมสดชื่นขึ้นบ้าง แล้วผมอาจจะคิดอะไรๆ ออกก็ได้

ผมค่อยๆ เอื้อมมือไปที่ขวดน้ำเพื่อจะเปิดน้ำขึ้นดื่ม แต่ทันใดนั้น ผมก็มีความรู้สึกเหมือน กับว่า กำลังมีอะไรบางอย่าง คืบคลานเข้ามาที่ตัว ผมยังคงบรรจงขยับมือไปที่ขวดน้ำข้างหน้า จนในที่สุดผมก็เอื้อมมือจับที่จุกขวดน้ำ แต่ โอ้พระเจ้า ! มีบางสิ่งบางอย่างจับตัวผมไว้พร้อมกับที่ผมจับที่จุกน้ำ ผมตกใจมากจึงรีบดึงจุกขวดน้ำนั้นออก พร้อมๆ กันนั้นตัวผมก็ลอยขึ้นกลางอากาศอย่างไม่คาดคิด ผมตกใจจนแทบจะหยุดหายใจ ผมตัดสินใจหันขวับไปยังที่มาของสิ่งที่จับตัวผมไว้ เพียงชั่วอึดใจเดียว
ผมก็......
ยิ้ม
ออกมา

พฤษภาคม
2545